0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

ฝังเข็มช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้

สายตาจ้องอยู่กับคอมพิวเตอร์นานกว่าวันละ 6 ชั่วโมง จะเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว เราจะรู้ก็ต่อเมื่อรู้สึกปวดแล้วอาจจะปวดไหล่ ปวดแขน ชาตามนิ้วมือ หรือปวดสะบักเป็นต้น

ฝังเข็มช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้

อาจารย์ชัย พนมยันตร์ แพทย์แผนไทยและจีน (ฝังเข็ม) โรงพยาบาลนครธน บอกว่า “ออฟฟิศซินโดรมเกิดจาก เส้นที่ลม หรือชี่จะพาไปไม่ได้ มันติดขัด ถ้าเราทำให้มันโล่ง มันก็ไม่ติดขัด มันก็หายเจ็บ เดี๋ยวนี้คนมักจะเป็นโรคไอแพดด้วยเพราะสายตากับนิ้วจ้องมากเกินไปแล้วทางการ แพทย์แผนจีนบอกว่าการใช้สายตามาก เป็นผลต่อตับ บางคนมีอาการปวดศีรษะ ตาลาย แต่บางคนที่ปวดท้องด้วยนั้นจะมาจากความเครียด ส่งผลต่อกระเพาะอาหาร บางคนเพียงแค่ตื่นเต้นเล็กน้อยก็ท้องเสียโรคเครียดยังจะรบกวนการนอน ทำให้นอนได้ไม่ดีแต่อาการเหล่านี้ก็รักษาได้”

การฝังเข็ม เป็นการกระตุ้นเส้นประสาทและเลือดลมให้ไหลเวียน ทำให้กล้ามเนื้อที่บีบรัดตัวอยู่เกิดการคลายตัว เพื่อส่งผลให้เส้นเลือดที่อยู่ในบริเวณกล้ามเนื้อนั้นมีการไหลเวียนได้ดี ขึ้น พูดถึงความเจ็บในการฝังเข็ม ส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หรือไม่เจ็บเลยก็มี และจะรู้สึกถึงอาการตื้อหนัก ร้าว เมื่อจุดฝังเข็มไปตามทางเดินของเส้นลมปราณ

นอกจากนี้สำหรับคนที่น้ำในร่างกายน้อย ปากจะแห้งแก้มจะแดง สองอุ้งมืออุ้งเท้าบางครั้งมีเหงื่อออกที่หน้าอกร้อนก็สามารถมาฝังเข็มเพื่อ ปรับอุณหภูมิร่างกายให้สมดุล เช่นเดียวกันกับการฝังเข็มที่สามารถรักษาได้อีกหลายอาการ ซึ่งสามารถแวะไปปรึกษากับคุณหมอก่อนได้ที่โรงพยาบาลนครธน ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์โทร. 0 2450 9999, 0 2895 4000

TIPS

การตรวจแบบจีน คือ จับชีพจร ตรวจดูลิ้น มองดูสีหน้า ฟังเสียง และกดที่ไหล่ และต้นคอดูความแข็งของกล้ามเนื้อ

• ออฟฟิศซินโดรม ควรฝังเข็มติดต่อกันอย่างน้อย 6 ครั้ง ความถี่ในการฝังก็ขึ้นอยู่กับอาการ และความเห็นของแพทย์หากอาการดีขึ้น แล้วเรายังต้องทำงานท่าเดิมซ้ำๆ ใช้กล้ามเนื้อหนัก ก็อาจกลับมาเป็นได้อีก ก่อนฝังเข็ม ควรเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อม โดยรับประทานอาหารก่อน 1-2 ชั่วโมง และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ เคล็ดลับสุขภาพดี สร้างเสริมสุขภาพ จาก W+

 
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

รับมือกับอาการปวดประจำเดือน

เมื่อย่างเข้าสู่วัยที่มีประจำเดือน หลายคนอาจเจอกับปัญหาการปวดประจำเดือน ซึ่งอาการเหล่านั้นอาจรบกวนหรือส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ จาก ข้อมูลโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในนักศึกษาหญิงจำนวนกว่า 700 คน พบว่า 78% มีอาการปวดประจำเดือน และมากกว่า 60% ของกลุ่มนี้ยอมรับว่าอาการปวดส่งผลต่อสมาธิในการเรียน ซึ่งวัยรุ่นเป็นช่วงที่ร่างกายและฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้ตัวเองได้ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ ทั้งสุขภาพกาย และใจ มีความมั่นใจในการทำภารกิจสำคัญต่างๆ และไม่สูญเสียโอกาสที่จะได้ทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ เพราะร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์คือหัวใจสำคัญของการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ของวัยเรียนรู้

รับมือกับอาการปวดประจำเดือน‘นพ.พิชัย คณิตจรัสกุล’ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “วัยรุ่นเป็นวัยแห่งการเริ่มต้นเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ต้องการความพร้อมทั้ง ทางร่างกายและจิตใจ ดังนั้นการดูแลสุขภาพอนามัยอย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงที่มีพัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น การเจริญเติบโตทางร่างกาย การมีประจำเดือน และกลุ่มอาการอื่นๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ในวัยเรียนก็อาจต้องขาดเรียนหรือขาดสอบ และในวัยผู้ใหญ่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการ

ทำงานได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์เกิดขึ้นก่อนมีรอบเดือน เรียกว่ากลุ่มอาการผิดปกติก่อนมีรอบเดือนหรือ พีเอ็มเอส (PREMEN STRUAL SYNDROME) มีผลกระทบทั้งด้านร่างกายและอารมณ์ โดยอาการทางร่างกายที่อาจพบได้คือ เจริญอาหาร ตัวบวม ปวดหัว ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ส่วนอาการทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า โกรธง่าย วิตกกังวล ไม่อยากเข้าสังคม ซึ่งถ้าหากอาการเหล่านี้มีความรุนแรงมากขึ้น ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างถูกวิธี”

โดยผู้หญิงทุก คนสามารถเริ่มต้นดูแลตัวเองง่ายๆ ด้วยการสังเกตอาการปวดประจำเดือนของตนเองก่อนว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปแล้วอาการปวดประจำเดือนนั้นมีอยู่ 2 ชนิดได้แก่

ปวดประจำเดือนปฐมภูมิ เป็น อาการปวดเกร็งบริเวณท้องที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีรอบเดือน โดยไม่ได้มีโรคหรือความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น และอาจมีอาการอื่นเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลง อ่อนเพลีย ปวดหลัง ปวดศีรษะ บวมน้ำ ท้องเสีย คลื่นไส้ ซึ่งวิธีดูแลตัวเองที่ ถูกต้องได้แก่ การออกกำลังกาย รับประทาน ยาบรรเทาปวด รวมถึงการประคบด้วยกระเป๋า น้ำร้อน เป็นต้น

ปวดประจำเดือนทุติยภูมิ เป็น อาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) เป็นต้น มักจะมีอาการปวดครั้งแรก เมื่ออายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป โดยก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีอาการปวดประจำเดือนมาก่อนจึงควรปรึกษาแพทย์ ในกรณีปวดรุนแรง กินยาบรรเทาปวดแล้วไม่ทุเลา กดถูกเจ็บ มีไข้ ตกขาว หรือมีประจำเดือนออกมากกว่าปกติ

วิธีการดูแลตัวเองเพื่อลดอาการ ปวด ประจำเดือน สามารถทำได้โดยการประคบถุง น้ำร้อนควบคู่ไปกับการดื่มน้ำอุ่นๆ รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เพื่อชดเชยการเสียเลือดมากในช่วงมีประจำเดือน หรือรับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหากมีอาการปวดหรือรู้สึก ไม่สบาย รวมทั้งรู้จักวิธีผ่อนคลายตัวเอง เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ การฝึกหายใจ เล่นโยคะ ฯลฯ เพียงเท่านี้ปัญหาจากการปวดประจำเดือนก็จะไม่มากวนใจคุณได้อีก

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ สุขภาพคุณผู้หญิง จาก เปรียว
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

เคล็ดลับ 5 ดู น้ำดื่ม น้ำแข็ง และไอศกรีมฤดูร้อน

การดำเนินชีวิตประจำวันในทุก วันนี้ เราต้องเรียนรู้เพื่อให้เป็นผู้บริโภค ฉลาดที่จะเลือกซื้อ เลือกใช้ เลือกผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณค่าและคุณภาพที่ได้มาตรฐาน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เราขอนำเคล็ดลับ 5 ดู น้ำดื่ม น้ำแข็ง และไอศกรีมฤดูร้อนให้ปลอดภัย

เคล็ดลับ 5 ดู น้ำดื่ม น้ำแข็ง และไอศกรีมฤดูร้อน

1 ดูฉลาก น้ำ แข็งหลอดควรสังเกตรายละเอียดบนฉลาก ดูเครื่องหมาย อย. พร้อมเลขสารบบอาหาร 13 หลัก วันเดือนปีผลิต หรือวันหมดอายุ ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต และข้อความว่า "น้ำแข็งใช้รับประทานได้" ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน

2 ดูลักษณะอาหาร ต้องสะอาด ไม่มีสี กลิ่น รส ผิดปกติ และไม่เหลว หรือมีลักษณะเหมือนเคยละลายมาแล้ว

3 ดูภาชนะบรรจุ ควร เลือก เครื่องดื่ม บรรจุในภาชนะที่สะอาดและปิดสนิท ไม่รั่วซึม หรือมีรอยสกปรก และไม่มีร่องรอยการเปิดใช้ น้ำที่บรรจุอยู่ในภาชนะต้องใสสะอาด ไม่มีตะกอน ไม่มีสี กลิ่น หรือรสที่ผิดปกติ

4 ดูการเก็บอุปกรณ์ สำหรับน้ำแข็งหลอดตักขายตามร้านค้า ที่ไม่มีฉลาก จึงควรสังเกตสถานที่เก็บน้ำแข็งว่า อยู่ในที่สะอาดเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งภาชนะที่ใส่น้ำแข็งต้องถูกสุขลักษณะไม่ปนเปื้อนกับอาหาร

5 ดูผู้ขาย ทั้ง ผู้บริโภคต้องดูสุขลักษณะ ของผู้ขายด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเล็บมือ การ แต่งกาย ภาชนะที่ใส่ไอศกรีมก็ต้องสะอาดด้วย

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ เคล็ดลับสุขภาพดี สร้างเสริมสุขภาพ จาก MCOT

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.thinkstockphotos.com
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

10 เคล็ดลับ เพิ่มระบบเผาพลาญในร่างกาย

ถ้าสาวๆ อยากจะเพิ่มเมตาบอลิซึ่มในร่างกาย เพื่อเพิ่อระบบเผาผลาญในร่างการให้เร็วขึ้น เรามี 10 วิธีง่ายๆ มาแนะนำ รับรองว่า คุณจะต้องชอบ เพราะดีกับสุขภาพและทำให้คุณลดน้ำหนักได้ด้วยนะค่ะ

การเพิ่ม Metabolism ทำให้มีการเผาผลาญแลอรี่มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารและอาหารเสริมที่คุณทานเข้าไปด้วย ทำให้คุณอยากดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น และน้ำที่คุณดื่มยังช่วยสนับสนุนการขับพิษ การขับถ่ายและการย่อยอาหารในร่างกายอีกด้วย และนี่เป็น 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราการเผาพลาญพลังงานค่ะ

10 เคล็ดลับ เพิ่มระบบเผาพลาญในร่างกาย

1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ “ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อเรียบ มาก ร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก” การยกดัมเบลล์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่ม เหมือนกัน และช่วงที่ระดับเมตาบอลิซึ่มคุณจะพุ่งสุดขีดนั่นเอง ไม่ใช่ตอนที่คุณวิ่งหอบแฮกๆ บนสายพานหรอกนะค่ะ แต่หลังจากนั้นอีกสัก 2- 3 ชม.ค่ะ

2. ขยับตัว อยากจะเผาผลาญแคลอรี่ให้เร็วที่สุด ก็ต้องออกกำลังกายอย่างน้อย ออกเดิน 30 นาที หรือ 1 ชม. วิ่งเหยาะๆ หรือเต้นแอโรบิกอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหนก็ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มทั้งนั้นล่ะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ให้ต่อเนื่องนานสัก 30-45 นาที

3. กินบ่อยๆ ยิ่งร่างกายคุณขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อก็จะล้า การเผาผลาญก็จะน้อยลง ทางที่ดีกินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 3-4 มื้อ ยังดีกว่าอดอาหารไปเลย

4. งดน้ำตาล เหตุผลง่ายๆ ก็คือ น้ำตาลที่เหลือใช้แล้ว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมัน เพราะฉะนั้น ลดน้ำตาล ก็จะช่วยลดไขมันไปในตัว

5. กินอาหารเช้า เป็น ความจริงที่ว่า คนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ หุ่นดีกว่า คนที่อดข้าวเช้า และอาหารเช้ายังทำให้ระดับ เมตาบอลิซึ่ม ของคุณวันนั้นพุ่งเป็น 2 เท่าด้วย

6. กินอาหารเผ็ดร้อน อาหารประเภทเผ็ดร้อน รสจัด จะช่วยเร่งการเผาพลาญร่างกายของคุณจากภายในให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก

7. ดื่มชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มได้ดีและปลอดภัยกว่ากาแฟ แถมมีประโยชน์อีกด้วย

8. ดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยขับสารพิษ หลังจากที่ร่างกายเผลาผลาญพลังงานแล้ว น้ำเย็นๆ ยังช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มทำงานดีขึ้นนิดหนึ่งด้วย

9. อย่าเครียด ความเครียดจะทำให้เราอ้วนขึ้น เพราะฮอโมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราดูซึมของเมตาบอลิซึ่มช้าลง

10. นอนหลับ ความลับที่เพิ่งจะค้นพบก็คือ กล้ามเนื้อเรียบในร่างกายเรา จะทำงานเผาผลาญแคลอรี่ ได้ดีที่สุดในชั่วโมงหลังๆ ที่เราหลับสนิทเต็มที่คะ

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ เคล็ดลับสุขภาพดี สร้างเสริมสุขภาพ จาก W+
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

คุณทานผัก พอแล้วหรือยัง

คุณทานผัก พอแล้วหรือยัง

ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งของพฤติกรรมการทานผักของคนไทย พบว่าคนทำงานอายุ 20-40 ปี ส่วนใหญ่ทานผักน้อยกว่าที่ควรจะเป็น 100 กรัม นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเด็ก ๆ ที่ชอบกินแต่ขนม หรือน้ำอัดลม จนตัวอ้วนกลม คงจะน้อยอย่างน่าตกใจแน่ ๆ


รู้กันว่า ควรทานผักให้ได้อย่างน้อย 350 กรัมใน 1 วัน หรือเท่ากับ 5 กำมือ ที่สำคัญควรทานคละ ๆ กันไป ทั้งผักใบเขียว เหลือง ส้ม เพื่อเสริมสมดุลของกันและกัน

มาดูกันว่า สารอาหารในผักชนิดใด ที่ร่างกายเราต้องการบ้าง

สารอาหารสำคัญที่อยู่ในผัก และพร้อมดูดซึมได้ทันที ได้แก่

แคลเซียม เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน และการทำงานของหัวใจ วิตามินดี พบมากในเห็ด และแสงแดดยามเช้า จะช่วยดูดซึมแร่ธาตุชนิดนี้ได้ดี

วิตามินบี คอมเพล็กซ์ (B Complex) เสริมสร้างพลังงานในร่างกาย และจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ พบมากในกระเทียม, ถั่วแขก, ถั่วยาง (ถั่วชนิดหนึ่งคล้ายถั่วฝักยาว)

วิตามิน ดี D พบมากในเห็ด ช่วยในการดูดซึมแคมเซียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระดูก ฟัน และการทำงานของหัวใจ

เหล็ก ช่วยลำเลียงออกซิเจนในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง พบมากในผักจำพวกผักโขม, ผักสลัด


วิตามินซี C
ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และยังเกี่ยวข้องกับคอลาเจนในผิว พบมากในผักจำพวกมะเขือเทศ, พริกหยวก, มะระ

ไฟโตเคมิคอล มีคุณสมบัติช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ ที่รู้จักกันดี อย่างเช่น สารไลโคปีนในมะเขือเทศที่ผ่านการปรุงอาหาร สารลูทีนในผักโขม เป็นต้น

แมกนีเซียม ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท พบมากในมันฝรั่ง, กระเจี๊ยบ

เบต้าแคโรทีน มีมากในผักที่มีสีเหลือง-ส้ม ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้สูงขึ้นด้วย

วิตามินอี E ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เม็ดเลือกแดงแข็งแรง พบมากในฟักทอง ข้าวโพด

โปแทสเซียม คอยควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย รักษาความดันโลหิต ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น พบมากในแตงกวา, มะเขือม่วง,พริกขี้หนู

ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่ละลายในน้ำ จะมีประโยชน์ในการรักษาสุขภาพ ส่วนชนิดที่ไม่ละลายในน้ำ จะช่วยในการขับถ่ายให้เป็นปกติ

สารอาหารที่อยู่ในผัก ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยิ่งทานผักเยอะ ก็ดีต่อร่างกายมากขึ้นเท่านั้น

หันมาทานผักเพื่อสุขภาพกันเถอะ

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ เคล็ดลับสุขภาพดี สร้างเสริมสุขภาพ จาก Never-Age
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

ตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับการไดเอท

ตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับการไดเอท

ในทุกเช้าที่คุณต้องไปทำงาน อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญมาก เพราะคุณต้องใช้พลังงานจากอาหารมือนี้ในใช้ชีวิตเป็นหลัก แต่ในอีกมุมกลับกัน ทุกๆเช้าก็เป็นช่วงที่เร่งรีบฝ่าการจราจรที่ติดขัด ฝ่าผู้คนมากมาย ต้องไปให้ถึงที่ทำงานทันเวลา อาหารมือเช้าที่จะเป็นไปได้ที่จะลงกระเพราะก็คงหนีไม่พ้น ข้าวเหนียวหมูย่าง ปาท่องโก๋ หรืออาหารตามข้างทางทั่วไปในทางผ่านระหว่างไปทำงาน ซึ่งอาหารเหล่านี้ ล้วนอุดมไปด้วยไขมันทั้งนั้น สำหรับคุณผู้หญิงที่อยากจะไดเอทแล้ว คงเป็นเรื่องยาก ที่จะหาอาหารเช้าที่เหมาะกับการไดเอทมารับประทาน ลองดูตัวเลือกดีๆ ของอาหารเช้า 4 สิ่งนี้ก่อน อาหารไดเอทง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณไดเอทได้ง่ายขึ้นค่ะ


ตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับการไดเอท-2

1. ไข่คนโรยพริกป่น


ไข่ เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนแม้ในขณะที่คุณต้องการลดน้ำหนัก โปรตีนและไขมันบ้างเพื่อช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพที่ ดี แต่วิธีที่จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น ก็คือ สาร capsaicin ในพริกป่นนี่เอง ใส่พริกป่นในปริมาณที่คุณจะรับความเผ็ดได้นะคะ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้คุณปวดท้องได้


ตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับการไดเอท-3

2. ปลาทูน่ากระป๋อง

ซื้อปลาทูน่ากระป๋องจากซุปเปอร์มาร์เก็ตติดไว้ก็ดีนะคะ นอกจากจะได้รับโปรตีนที่ดีแล้ว ยังจะช่วยให้ได้ โอเมกา-3ในมือเช้าของคุณอีกด้วย และไม่เพียงเท่านั้น มันยังจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้อีก ร้อยละ 26 ลอง ใส่ปลาทูน่าลงข้อ 1 ก็ได้นะคะ อร่อยไปอีกแบบ

 

ตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับการไดเอท-4

3. ชาเขียว


หากใครบางคนติดกาแฟอยู่ อยากจะให้เปลี่ยนของในแก้วจากกาแฟเป็นชาเขียวดูบ้างค่ะ ไม่เพียงแต่ชาเขียวจะได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระแต่ยังสามารถเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่าง กายของคุณเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 4.6 ในขณะเดียวกัน ถ้าหากคุณดื่มกาแฟ คุณจะต้องดื่มกาแฟถึง 2 แก้ว เพื่อที่จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานที่เทียบเท่ากับชาเขียว หรือหากคุณต้องการความสดชื่น ลองเติมน้ำมะนาวลงไปก็ได้ค่ะ


 

ตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับการไดเอท-5

4. โยเกิร์ต


ในโยเกิร์ตมีวิตามิน D สูง ซึ่งวิตามิน D นี้จะช่วยดูดซึมแคลเซียมจากอาหารที่คุณทานเข้าไป แต่จากการวิจัยในประเทศอเมริกา พบว่า วิตามิน D นั้น ไม่ได้เพียงแต่จะช่วยดูดซึมวิตามิน D เพียงอย่างเดียว แต่ยังจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันอีกด้วย เวลาเลือกทานต้องเลือกแบบรสธรรมชาติปราศจากน้ำตาลด้วยนะคะ


หาไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ ยังไงก็ลองหาซื้อไว้ติดตู้เย็นไว้ก็ดีค่ะ


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ การลดความอ้วนและลดน้ำหนัก จาก สนุกดอทคอม

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

6 วิธีลดอาการอยากของหวาน

6 วิธีลดอาการอยากของหวาน


ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำวิธีไดเอ็ทด้วยการเอาชนะความอยากทานหวานและเค็ม


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในระหว่างไดเอ็ทอย่างหนัก นั่นก็หมายความว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงต้องตัดลดปริมาณการรับประทานรสหวานและรสเค็มลงให้ได้ ซึ่งการลดความอยากกินรสชาติอันยั่วยวนทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะฉะนั้นนายแพทย์ Mehmet Oz หรือที่รู้จักกันในนาม Dr. Oz ผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในวงการแพทย์รวมถึงยังเป็นนักแต่งหนังสือ ก็ได้มาให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ ที่จะช่วยให้คุณสามารถลดความอยากทานทั้งสองรสชาตินี้ลงได้ ซึ่งก็จะนำไปสู่หุ่นอันผอมเพรียวที่หวังไว้ในที่สุด!

เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ That's Fit ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพได้ รายงานว่าความปรารถนาอยากรับประทานอาหารนั้นมีความคล้ายคลึงกับความปรารถนา ในเรื่องของเพศสัมพันธ์ Dr. Oz บอกว่ามันก็คือความต้องการทางด้านชีวภาพในการที่จะรักษาและบำรุงเลี้ยงดู ระบบการทำงานในหลายๆ ระดับ และทั้งสองอย่างนี้จะผิดพลาดไม่ได้เพราะเป็นสองสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด ต่อสายพันธุ์มนุษย์ของเรา

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือเรามักจะมีความอยากทานเค้กช็อกโกแลตหรือวัฟเฟิ่ล มากกว่าที่จะไปโหยหาผักโขมหรือถั่วงอกนี่น่ะสิ แถมการที่จะเสริมสร้างพลังต่อต้านความอยากเหล่านั้นถ้าจะเปรียบเทียบไปแล้ว ก็จะคล้ายๆ กับการพยายามจะกลั้นหายใจใต้น้ำตลอดชั่วกัลปาวสาน เพราะฉะนั้น Dr. Oz ถึงได้บอกว่า คุณจะต้องมีการวางแผนที่ดี และต่อไปนี้คือคำแนะนำอันมีค่า

1. รู้จักความปรารถนาของตัวเอง

Dr. Oz บอกว่าทุกคนมีความอยากอาหารที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก็ให้คอยดูว่าอะไรที่จะกระตุ้นต่อมอยากอาหารของคุณ​และก็พยายาม อยู่ห่างมันให้มากที่สุด สำหรับ Dr. Oz แล้ว ของโปรดของเขาก็คือถั่วเคลือบช็อกโกแลต ที่เขาบอกว่าเขากินมันได้ครั้งละเป็นแกลลอนๆ เลย แถมยังกินได้ไม่หยุดอีกด้วย เพราะฉะนั้นเขาก็เลยพยายามไม่ไปอยู่ใกล้ๆ มัน และหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุดถ้าทำได้

2. เก็บอาหารประเภท ‘junk food' ออกจากบ้านให้หมด
Dr. Oz แนะนำว่าให้เก็บเอาอาหารขยะทั้งหลายออกจากบ้าน ออกจากสายตา และออกจากความคิดให้หมดเกลี้ยง อย่าไปคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันยากเกินจะทำและเกิดเผลอคิดถึงมันขึ้นมาสักครั้งล่ะก็ ก็ให้ไปที่ร้านและซื้อมาปลอบประโลมความอยากของตัวเองแค่ชุดเดียวก็พอ!


3. ลองหาของทดแทนที่ดีต่อสุขภาพ
นั่นก็หมายถึงทดแทน ความอยากทานของหวาน ด้วยการทานผลไม้อย่าง อินทผลัม องุ่น หรือผลมะเดื่อแทน หรือถ้าอยากจะทานอะไรที่เป็นครีมข้นๆ ก็ลองเลือกโยเกิร์ตแบบไขมันต่ำ ถ้าคุณนึกอยากทานอะไรเค็มๆ ก็หาแตงกวาดองมาทานแทน


4. ตั้งข้อแม้กับตัวเอง
ให้ลองทำใจเย็นๆ และอดทนกับความรู้สึกอยากทานอะไรสักอย่างให้ได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ถ้าความปรารถนานั้นยังแรงกล้ายากที่จะดับได้ ก็ให้ทานสิ่งที่อยากทานเข้าไปได้เล็กน้อย Dr. Oz บอกว่าปกติแล้วความอยากอาหารจะอยู่ได้แค่ประมาณ 20-30 นาที เพราะฉะนั้นถ้าเวลาผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ก็แสดงว่าคุณก็น่าจะทนมันได้แล้ว


5. หาอะไรล้างปาก

ด้วยการแปรงฟันหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะว่าหลังจากทำสองสิ่งนี้แล้ว อาหารชนิดไหนก็ไร้รสชาติทั้งนั้นถ้าคุณยังมีรสมินท์หลงเหลืออยู่ในปาก


6. โทร.หาเพื่อน
บางครั้งความอยากอาหารของคุณจะเกิด จากความเครียดหรืออารมณ์ประเภทอื่นๆ ลองคุยกับเพื่อนสนิทสักคนที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะคุยด้วย แทนที่จะหันไปแก้ปัญหาด้วยการตักไอศกรีมใส่ปาก

นอกจาก 6 ข้อที่กล่าวมาแล้ว Dr. Daniel G. Amen แพทย์และนักเขียนหนังสืออีกคนหนึ่งก็ให้ความเห็นว่าควรจะรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของคุณด้วยการรับประทานอาหารเช้า และอยู่ห่างจากคาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว และพาสต้าต่างๆ เช่นเดียวกับการหลีกให้ไกลจากวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่จะยิ่งทำให้ความอยากอาหารรุนแรงขึ้นไปอีก

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ การลดความอ้วนและลดน้ำหนัก จาก VOICEtv
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

งดอาหารเช้า เป็นสาเหตุให้อ้วนได้

งดอาหารเช้า เป็นสาเหตุให้อ้วนได้

ผลวิจัยล่าสุดจากอังกฤษเปิดเผยว่า การไม่รับประทานอาหารเช้า อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะสมองจะสั่งการให้มีการรับประทานอาหารที่มากขึ้นในมื้อถัดไป


นักวิจัยจาก Imperial College London ในประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลวิจัยล่าสุด เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการรับประทานอาหารเช้า กับการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว โดยระบุว่า คนที่ไม่รับประทานอาหารเช้า จะมีความเสี่ยงที่น้ำหนักตัวจะเพิ่มสูงขึ้น เพราะพวกเขามักเลือกที่จะรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงแทน ในมื้อต่อๆ มา


โดย การวิจัยดังกล่าว จัดทำขึ้นโดยการเก็บข้อมูลของผลการสแกนสมองของอาสาสมัครจำนวน 21 คน ที่มีทั้งกลุ่มที่รับประทานอาหารเช้า และกลุ่มที่ไม่รับประทานอาหารเช้า ซึ่งข้อมูลที่ได้ระบุว่า อาสาสมัครคนใดที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า สมองจะสั่งการให้รับประทานอาหารมากขึ้นในมื้อกลางวัน และอาหารประเภทที่มีแคลอรีสูง จะเป็นอาหารที่กลุ่มคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า มีความต้องการมากเป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ นักวิจัยไม่สามารถให้เหตุผลได้ว่า เหตุใดสมองจึงสั่งการเช่นนั้น และสมองมีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกรับประทานอาหารมากน้อยเพียงใด


สำหรับกลุ่มคนที่กำลังลดความอ้วนนั้น นักวิจัยได้แนะนำว่า ไม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเช้า เพราะจะส่งผลให้มีการรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงในมื้อถัดไป และจะยิ่งทำให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้น และยิ่งคนๆ นั้นมีความหิวมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรับประทานอาหารมื้อถัดไปมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นผลมาจากการสั่งการของสมอง ที่จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกว่าในเวลาที่หิวจัด


นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ อาหารเช้ามีผลโดยตรงที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และช่วยให้การดำรงชีวิตในแต่ละวันเป็นไปตามปกติ ดังนั้น หากใครที่ต้องการให้ร่างกายทำงานตามปกติ ก็ควรรับประทานอาหารเช้าในทุกๆ วัน


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ การลดความอ้วนและลดน้ำหนัก จาก VOICEtv

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

รู้หรือเปล่า? ดนตรีช่วยให้กินน้อยลงได้

ดนตรีช่วยให้กินน้อยลงได้

การไปกินข้าวนอกบ้านนี่มันเจ๋งสุดๆ เลยใช่ป่ะหล่ะ?


แต่ปริมาณแคลอรี่ที่ตามมา หลังจากออกไปหม่ำมื้อพิเศษนี่แหละ ที่มันทำให้ความเจ๋งลดลงถึงขั้นติดลบ


จากงานวิจัยใหม่ล่าสุด มีวิธีที่ง่ายมากเลยที่จะกินให้น้อยลง โดยไม่ต้องฝืนใจตัวเองอย่างหนัก!


จากการศึกษาของ "คอร์เนล" พบว่า เรามีแนวโน้มที่จะกินน้อยลงในร้านอาหาร ด้วยแสงสลัวๆ และดนตรีเบาๆ (อย่างแจ๊สนะ ไม่ใช่ร็อกหรือแทงโก้) และจะดียิ่งกว่าเมื่อเราเพลิดเพลินกับอาหารมากกว่าสภาพแวดล้อม


ในการศึกษานี้ นักวิจัยตกแต่งร้านอาหารตามเงื่อนไขเรื่องแสงและเพลง และพบว่าผู้เข้าร่วมทดลองรับประทานมื้อเย็นในจำนวนน้อยกว่า 175 แคลอรี่ ผลลัพธ์ออกมาถือว่าไม่แย่สำหรับการทดลองครั้งแรก แต่ว่าถ้าคุณกินอาหารนอกบ้านบ่อยๆ มันอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้นะ


นักวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ว่า แสง ไฟสลัวๆ และเสียงเพลงที่ผ่อนคลาย ช่วยให้คุณรู้สึกสบายและทำให้การกินของคุณใช้เวลามากขึ้น และเมื่อคุณกินช้าลง คุณจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น นั่นทำให้คุณกินน้อยกว่าปกติ


แน่นอนว่าผลวิจัยนี้พูดถึงเฉพาะกรณีกินที่ร้านอาหาร แต่ถ้าเป็นการนำไปประยุกต์ที่บ้าน จะเลือกเปิดดนตรีไทยหรือปิดไฟให้หมดบ้านเลยก็ได้นะ คุณจะยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร แล้วก็กินน้อยลง ช่วยให้ลดความอ้วนได้ดีขึ้นค่ะ


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ การลดความอ้วนและลดน้ำหนัก จาก Cosmopolitan.com

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

อย่าให้คำว่าน้ำมัน มาหลอกคุณว่า “อ้วน”

อย่าให้คำว่าน้ำมัน มาหลอกคุณว่า อ้วน

ขึ้นชื่อว่าน้ำมัน ใครที่ได้ยินต่างก็ต้องร้องกันไปต่างๆนาๆ ว่าทำให้อ้วนบ้าง มีคอเลสเตอรอลบ้าง อย่าให้คำว่าน้ำมันมาหลอกคุณได้อีกต่อไป ว่าทำให้ลดความอ้วนลำบาก เพราะน้ำมันดีๆก็มีค่ะ ลองหันมาลองใช้น้ำมันที่จะเอ่ยถึงเหล่านี้ดูซิคะ รับรองว่า จะทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่สุขภาพดีทีเดียว ยอมลงทุนแพงหน่อยเพื่อแลกกับสิ่งที่ได้มา นับว่าคุ้มค่ะ

 

อย่าให้คำว่าน้ำมัน มาหลอกคุณว่าอ้วน-1

- น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก มี polyphenols ที่ช่วยในการต่อสู้มะเร็งสูงมากค่ะ มีกรดโอเลอิคอยู่ ในปริมาณสูง จึงมีผลในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบและอาการอักเสบที่กระเพาะและลำ ไส้ได้ด้วย และยังสามารถช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีกด้วยละค่ะ มืออาหารมือต่อไปของคุณ ลองใช้น้ำมันมะกอกในการประกอบอาหารดูค่ะ มันจะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีแน่ๆ

 

อย่าให้คำว่าน้ำมัน มาหลอกคุณว่าอ้วน-2

- น้ำมันมะพร้าว

รู้ไหมคะ ว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยต่อต้านกับแบคทีเรียได้ลองผสมน้ำมันมะพร้าวลงในน้ำอุ่น แล้วกลั้วปากในตอนเช้าดูค่ะ จะช่วยลดกลิ่นปากได้ แถมน้ำมันมะพร้าวยังเคยถูกศึกษาและยืนยันแล้วว่า สามารถช่วยลดความอ้วนได้ ลองผสมน้ำมันมะพร้าวลงในโยเกิร์ตแล้วรับประทานทุกวันดูสิคะ รับรอง ว่าช่วยลดน้ำหนัดได้จริงๆ

อย่าให้คำว่าน้ำมัน มาหลอกคุณว่าอ้วน-3

- น้ำมันรำข้าว

ในน้ำมันรำข้าวมีวิตามิน E ในระดับสูงมากค่ะ ซึ่งวิตามิน E นี้จะช่วยในการบำรุงผิว และยังเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ชั้นดีจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ด้วยค่ะ


อย่าให้คำว่าน้ำมัน มาหลอกคุณว่าอ้วน-4- น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน

ในน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน มีกรดไลโนเลอิกสูงถึง 44-75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย สามารถป้องกันการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และมีวิตามินอีซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ คอยดักจับ และทำลายของเสียที่จะมาทำลายเซลล์ต่างๆ ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดมะเร็ง บำรุงสายตา

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ การลดความอ้วนและลดน้ำหนัก จาก MH.UK , guru.sanook.com

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

เทคนิคดีๆ ดูแลผิวเนียนสวย

สาวๆอย่างเราๆไหนจะต้องคอยดูแลภาพลักษณ์ให้ดูดีเสมอแล้ว งานที่ทำก็ต้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพราะฉะนั้นจะมีเทคนิคอะไรดีๆ ในการเสริม ความสวยความงาม ให้กับตัวเองให้เร็ว และง่ายที่สุด มาดูกันดีกว่าว่า สาวๆจะมีเทคนิคอะไรบ้างในการดูแลผิวหน้า ทรงผม เรือนร่าง และเล็บแบบรวดเร็วทันใจ
เทคนิคดีๆ ดูแลผิวให้เนียนสวย

ผิวหน้า


**ถึงแม้คุณจะมีเวลาน้อยนิดเพียงใด**
สิ่ง ที่ไม่ควรละเลยหรือข้ามขั้นตอนเลยคือ การทำความสะอาดใบหน้าอย่างหมดจดเสมอ โดยเฉพาะก่อนเข้านอน เพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเป้นสิวได้ เคล็ดลับสำคัญที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดใบหน้าก็คือ การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรอบดวงตา สามารถช่วยคุณกำจัดคราบเครื่องสำอางและความสกปรกได้ภายในพริบตา เพียงแค่เทมันลงบนก้อนสำลี วางทับลงบนดวงตา รอซัก 5 วินาทีก่อนเช็ดออกทางด้านข้าง ถ้าคุณใช้มาสคาร่าหรืออายไลเนอร์ให้เช็ดซ้ำอีกครั้ง โดยหมุนก้อนสำลีเป็นวงกลมแล้วเช็ดลงด้านล่าง จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางเช็ดให้ทั่วใบหน้า ผิวคุรก้จะสะอาดพอสมควรแล้วในระดับหนึ่ง แต่หากคุณต้องการล้างหน้าด้วยนำ้สะอาดอีกครั้งก็ไม่ว่ากัน


**ถ้าคุณทำความสะอาดผิวหน้าอย่างดีแล้ว**
การ ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดในตอนเช้าก็เพียงพอแล้ว แต่ที่ลืมไม่ได้ก็คือ การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและการปกป้องแสงแดด คุณสามารถเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ผสมสารป้องกันแดดเพื่อการประหยัดเวลา และสามารถเติมรองพื้นลงไปเล็กน้อยในมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ผิวหน้าเรียบเนียนได้ในขั้นตอนเดียว หรือเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แบบเจือสีก็ได้เช่นกัน


**เพื่อแก้ปัญหาตาบวมอย่างทันใจ**
ลอง ใช้ถุงชาที่ชงแล้วแช่เย็นโปะลงบนตาเป้นเวลา 10-20 นาที มันจะช่วยบรรเทาอาการตาบวม และทำให้ตาระคายเคือง หรือแตงกวาฝานแช่เย็น มันฝรั่งดิบฝาน(เอาไปแช่น้ำก่อนแช่เย็น) หรือช้อนแช่เย็น ก็จะได้ผลแบบเดียวกัน

เส้นผม


**ถ้าคุณไม่มีเวลาสระผม**
และ อยากขจัดความมันเยิ้มของเส้นผมออก คุรคงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่าให้ใช้แป้งเด็กโรยที่โคนผมเพื่อดูดซับความมัน แต่การใช้แป้งเด็กมากเกินไป อาจทำให้ผมของคุณกลายเป็นสีเทาได้ ลองเปลี่ยนมาใช้แป้งฝุ่นแบบไร้สีแทน โรยเฉพาะที่โคนผม และอย่าใช้มากเกินไป จากนั้นแปรงออกเบาๆ อย่าแปรงแรงนัก เพราะมันมีแต่จะกระตุ้นรากผมให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น


**ถ้าไม่มีเวลาในการเป่าไดร์ผมทั้งศีรษะ**
ลองไดร์ผมเฉพาะรอบๆใบหน้าและบริเวณแสกผม ซึ่งเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด

**เติมความพองสวยให้เส้นผมภายในพริบตา**

ด้วยการก้มตัวลง ฉีดสเปรย์ที่โคนผมแล้วแปรงผมเบาๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้น เส้นผมจะพองตัวสวยในทันที


**การเตรียมพร้อมช่วยลดเวลาแต่งผมของคุณในตอนเช้า**
โดย หลังจากสระผมเสร็จแล้วเป่าไดร์จนผมเกือบแห้ง ใส่ผลิตภัณฑ์แต่งผมเล็กน้อยตามต้องการ แ้วใช้ดรลขนาดใหญ่ม้วนผมหรือมัดผมเปนเกลียว แล้วเข้านอนทั้งอย่างนั้น พอตอนเช้าหลังแกะโรลม้วนผมออก ใช้แปรงกลมขนาดใหญ่เป่าไดร์ผมอีกเล็กน้อย คุรจะได้ผมที่เรียบตรงและมีวอรุ่มสวยงาม สำหรับผมหยิกเมื่อแกะผมที่มัดเกลียวเอาไว้ ให้ใช้นิ้วมือสางเล็กน้อย คุณก็จะได้ลอนผมนุ่มสลวยทันที

เรือนร่าง


เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเครื่องดิ่มขับสารพิษ ต้มน้ำและเติมน้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก และดื่มตอนที่ยังร้อน เครื่องดื่มร้อนนี้จะช่วยทำความสะอาดระบบร่างกาย ถ้าผิวของคุณต้องการความชุ่มชื้นเพิ่มเป็นพิเศษ และมอยเจอร์ไรเซอร์ตามปกติใช้เวลานานกว่าจะซึมซับเข้าไป ลองชโลมคอนดิชั่นเนอร์ใส่ผมลงบนผิวในระหว่างอาบน้ำแล้วนวดให้มันซึมเข้าผิว ล้างออกให้สะอาด อย่าใช้น้ำร้อนจัด เพราะจะทำลายผิว ใช้น้ำอุ่นๆ แล้วสุดท้ายราดด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน


มือและเล็บ


**รู้หรือไม่ว่าลิปบาล์มสามารถใช้เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่หนังข้างเล็บได้**
ลองใช้ลิปบาล์มธรรมชาติที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์และวิตามินอีจะได้ผลดีที่สุด


**ถ้าคุณอยากทำเล็บสไตล์ French-Manicure แต่มีเวลาไม่มากนัก**
ลองใช้ดินสอสีไฮไลต์สีขาวเขียนที่ด้านล่างของปลายเล็บ แล้วทาด้านบนเล็บด้วยยาทาเล็บสีใส คุณก็ได้เล็บแบบ French-Manicure แล้ว


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ความสวย ความงาม จาก นิตยสารลิซ่า

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

นวดหน้าอก ด้วยตัวเอง

นวดหน้าอก ด้วยตัวเอง

หน้าอกของเราเป็นสิ่งที่เราควรดูแลรักษาอย่างดี เพื่อให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี และช่วยขจัดสารพิษออกไปด้วยค่ะ


+ ใช้ฝ่ามือทั้งสองกุมทรวงอกแล้วนวดเบาๆ


+ ยกแขนซ้ายขึ้น ใช้มือขวาจับที่ด้านในของต้นแขนซ้าย แล้วนวดช้าๆ จากใต้รักแร้มาที่ด้านหน้าของอก พร้อมกับตบเบาๆ แล้วทำอีกข้างแบบเดียวกัน


+ ใช้แรงกดที่ช่องระหว่างซี่โครง เพื่อให้ก้อนบวมที่สะสมอยู่สลายไป กางนิ้วทั้งสิบออก กดกลึงทรวงอกจากด้านในตรงกลางออกไปด้านนอก แล้วกดกลึงด้านนอกเข้าด้านใน


+ กดตรงกลางของกระดูกหน้าอก เริ่มจากใต้คอผ่านจุดกึ่งกลางลงไปถึงลิ้นปี่


+ แกว่งแขนทั้งสองข้างไปข้างหลังช้าๆ เหมือนกับพายเรือแล้วเดิน ท่านี้ควรทำเป็นประจำ จะช่วยให้ขจัดก้อนบวมและการไหลเวียนของน้เหลืองดีขึ้น


+ ยกแขนขึ้นกางออกเหมือนผีเสื้อหรือนกกระพือปีก แล้วหายใจเข้าออกพร้อมกับร้องฮูฮา ไปด้วย ท่านี้จะช่วยกระชับทรวงอกได้ด้วยค่ะ


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ความสวย ความงาม จาก www.ladytip.com

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

8 วิธีดูแลความงามด้วยดีเกลือ

8 วิธีดูแลความงามด้วยดีเกลือ

หลายคนยังอาจจะไม่รู้ว่าดีเกลือฝรั่ง หรือ Epsom Salt (หาซื้อได้ตามร้านขายยาไทยจีน) นอกจากจะนำมาใช้เป็นยาถ่ายแล้ว ยังนำมาใช้ประโยชน์ในการดูแล ความสวย ความงาม ได้อีกหลายวิธีดังต่อไปนี้



  • แช่น้ำอุ่นให้สบาย โดยผสมดีเกลือลงในน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง





  • แช่เท้า เพื่อขจัดกลิ่นและทำให้ผิวหยาบๆ นุ่มลง ผสมดีเกลือ 1/2 ถ้วยตวงลงในอ่างน้ำอุ่น จากนั้น ก็แช่ให้สบาย เสร็จแล้วก็ล้างน้ำแล้วเช็ดให้แห้ง





  • ทำความสะอาดผิวหน้า ผสมดีเกลือครึ่งช้อนชาเข้ากับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตามปกติของคุณ ใช้นวดลงบนผิวหน้าให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น





  • พอกหน้า ถ้าคุณมีผิวธรรมดาถึงผิวมัน ก็ผสมบรั่นดี 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง นมผงแบบไร้ไขมัน 1/4 ถ้วยตวง น้ำมะนาว 1 ลูก และดีเกลือ 1/2 ช้อนชาเข้าด้วยกัน แล้วทาลงบนผิวที่เปียกหมาดๆ แต่ถ้าคุณมีผิวแห้ง ก็ผสมแครอตบดละเอียด 1/4 ถ้วย มายองเนส 1 1/2 ช้อนชา และดีเกลือ 1/2 ช้อนชาเข้าด้วยกัน





  • ขัดผิวกาย นวดดีเกลือหนึ่งกำมือลงบนผิวเปียกๆ โดยเริ่มจากเท้าขึ้นมา หลังจากนั้นก็อาบน้ำตามปกติ





  • ขจัดน้ำมันส่วนเกิน ถ้าเส้นผมของคุณเป็นมันเยิ้ม ก็เติมดีเกลือ 9 ช้อนโต๊ะลงในแชมพูสำหรับผมมัน 1/2 ถ้วย ทาส่วนผสมนั้นลงบนเส้นผมในขณะแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น เทน้ำส้มสายชูที่ทำจากแอ๊ปเปิ้ลลงบนเส้นผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก




  • ล้างสเปรย์ฉีดผม ผสมน้ำ 1 แกลลอน น้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง และดีเกลือ 1 ถ้วยตวงเข้าด้วยกัน ปิดฝาทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเทลงบนเส้นผมในขณะแห้ง ปล่อยทิ้งไว้ 20 นาที แล้วสระผมตามปกติ




  • เพิ่มความพองให้เส้นผม ผสมคอนดิชันเนอร์ชนิดล้ำลึกเข้ากับดีเกลือในอัตราส่วนเท่าๆ กัน นำไปอุ่นให้ร้อน แล้วนำมาทาลงบนเส้นผม ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก




ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ความสวย ความงาม จาก นิตยสาร Lisa

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

แต่งหน้า สำหรับสาวผิวสองสี

แต่งหน้า สำหรับสาวผิวสองสี

สิ่งสำคัญในการที่จะเลือกใช้สีสันของเมคอัพให้เข้ากับสีผิวของตัวเองได้อย่างถูก ต้องนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจ ก่อนว่าโทนของสีผิวแบ่งออกเป็นทั้งโทนร้อนและโทนเย็น


โทนร้อน คือ ผิวที่มีส่วนผสมของสีเหลือง สีส้ม สีน้ำตาล หรือสีแทน สาวไทยส่วนมากจะมีสีผิวอยู่ในโทนนี้

สำหรับโทนเย็น คือ กลุ่มของผู้หญิงที่ มีสีผิวค่อนข้างดำคล้ำ คือสีผิวมีส่วนผสมของสีน้ำเงินอยู่ ค่อนข้างมาก หรือหมายถึงสีผิวของผู้ที่ผิวมีสีออกไปทางขาวจัด พื้นสีผิวจะแฝงไว้ด้วยสีเทา สีฟ้า สีน้ำเงิน

เมื่อวิเคราะห์สีผิวของตัวเองได้แล้วเราจะสามารถเลือกสีของรองพื้น สีแป้ง สีบลัชออน และสีลิปสติกได้ เหมาะสมกับสภาพสีผิวตัวเอง

รองพื้น ควรเลือกให้ใกล้เคียงกับสีผิวหน้ามากที่สุด โดยทดสอบก่อนที่บริเวณกรามทั้งสองข้าง ถ้าเกลี่ยแล้ว เนียนกลืนเข้ากับสีผิวแสดงว่าเลือกได้ถูกต้อง

แป้งฝุ่น เลือกตามโทนของสีผิวหรือเลือกตามสีของรองพื้น ซึ่งแป้งฝุ่นมีทั้งโทนเหลือง ส้ม ชมพู แทน

อายแชโดว์ นอกจากเลือกตามสีของผิวแล้ว ควรเลือกให้เข้ากับบุคลิก สีเสื้อผ้า กาลเทศะ รวมทั้งอารมณ์ของ คุณด้วย ขอแนะนำให้ใช้สีน้ำตาลเป็นหลัก ส่วนจะมีสีอื่นผสมลงไปโดยเน้นสีหนักไปด้านได้ ควรดูตามโทนของสีผิว เช่น ผิวโทนร้อนใช้สีน้ำตาล ทองแดง ทอง เบจ งาช้าง ผิวโทนเย็นใช้สีปนเทา ม่วง หรือสีฟ้า

บลัชออน สาวผิวสองสีควรเลือกบลัชออนสีออกส้ม น้ำตาล สาวผิวคล้ำจัดควรเลือกสีชมพู แดงแอปเปิ้ล น้ำตาล

มาสคาร่า ควรเลือกชนิดกันน้ำได้ สำหรับผู้หญิงไทยควรเลือกมาสคาร่าสีดำ น้ำตาลเป็นหลัก หากต้องการเพิ่ม สีสันให้กับตัวเอง สาวผิวสองสีควรเลือกโทนสีน้ำตาล เขียว และสีฟ้า ส่วนสาวผิวคล้ำควรเลือกสีดำ เนวีบลู ม่วง และน้ำเงิน

ลิปสติก สาวผิวสองสีหรือสีโทนร้อนควรใช้ลิปสติกสีออกน้ำตาล ใช้วิธีการไล่ระดับสีได้โดยผสมสีอื่นลงไปได้ เช่น สีแดง ชมพู และส้ม สาวผิวคล้ำหรือสีโทนเย็น ควรใช้ลิปสติกสีออกชมพูโดยไล่ระดับสีได้ด้วยการผสมสีอื่นลงไป เช่น สีแดง ส้ม ม่วง


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ความสวย ความงาม จาก นิตยสาร Lisa
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

17 เคล็ดลับความงาม

17 เรื่องน่ารู้ คู่ความงาม

1. ช๊อกโกแลตนี่แหละ ที่มาของใบหน้ามีสิว
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาหรืองานวิจัยใดๆ ที่สนับ สนุนว่าความเชื่อดังกล่าวเป็นจริง ในต่างประเทศได้มีการทดลองทฤษฎีนี้โดยแบ่งคนเป็นสิวที่มีความรุนแรงเท่าๆ กัน ออกเป็นสองกลุ่ม ให้กลุ่มแรกงดกินช๊อกโกแลตเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ส่วนกลุ่มหลังให้กินช๊อกโกแลต 3 แท่งต่อสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ ผลการทดลองพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการกินช๊อกโกแลตเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งไปกระตุ้นให้ เกิดสิวขึ้นจริงเหมือนอย่างที่หลายคนเชื่อกัน… แต่ทำให้อ้วนได้แน่นอนเชียวค่ะ

2. ค่า SPF ในครีมกันแดดยิ่งสูงยิ่งกันแดดได้ดี
SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บอกว่าผิวของคุณสามารถทนต่อแสงแดดได้นานเท่าไหร่โดยไม่เกิดผิว ไหม้ เช่น ถ้าคุณไปตากแดดแล้วเกิดผิวไหม้ภายใน 15 นาที หลังใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 แล้วจะช่วยทำให้ผิวของคุณทนต่อการไหม้ของแดดได้นานขึ้นถึง 15×15=225 นาที ส่วนค่า SPF ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ผิวป้องกันแสงแดดได้มากขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น SPF 30 กันแดดได้ 97% SPF 60 กันได้ 98-98.5% จะเห็นว่า SPF จาก 30 เป็น 60 ช่วยกันแดดได้เพิ่มขึ้นเพียง 1-1.5% เท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ จึงไม่ได้ดีกว่าเสมอไป

3. วิตามินและอาหารเสริมเพิ่มความสวย
การรับประทานวิตามินและอาหารเสริมกลายเป็นกระแสนิยม ไปแล้วในขณะนี้ เนื่องจากมีโฆษณาชวนเชื่อมากมาย อ้างว่าสามารถทำให้ผิวสวยสุขภาพ ดีจากภายในสู่ภายนอกได้ หากคุณอยู่ดีกินดีไม่ได้อดมื้อกินมื้อ วิตามินและอาหารเสริม ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะการรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่และผักผลไม้สดๆย่อมได้คุณค่าทางอาหารมากกว่าอยู่แล้ว แถมราคายังถูกกว่าอีกด้วย จริงไหมคะ

4. ย้อมผมอย่างไรให้ปลอดภัย
ยา ย้อมผมเป็นเครื่องสำอางที่มีสารเคมีบางชนิดซึ่ง อาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากใช้ผิดวิธี เพื่อความปลอดภัยควรทดสอบอาการแพ้โดยทาบนท้องแขนก่อนใช้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการคัน บวม แดงจึงย้อมได้ ห้ามใช้ถ้ามีผื่นผิวหนังอักเสบ แผลเปิดหรือรอยถลอกบนหนังศรีษะ ไม่ควรเกาหรือนวดศรีษะก่อนและระหว่างย้อม อย่านำไปย้อมขนที่อื่น เช่น ขนตา ขนคิ้ว ระวังไม่ให้น้ำยาย้อมกระเด็นเข้าตาเด็ดขาด หากมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน มีผื่นแดงให้หยุดใช้ทันทีแล้วล้างออกด้วยน้ำปริมาณมากๆก่อนไปพบแพทย์

5. ทำอย่างไรดีเมื่อเล็บเปราะบาง
เล็บ เปราะเกิดจากการขาดความชุ่มชื้นซึ่งมักพบในคน ที่ล้างมือบ่อยๆหรือขาดแร่ธาตุบางชนิด เช่น ไบโอติน แคลเซียม การใช้ครีมบำรุงผิวเข้มข้นหลังล้างมืออาจทำให้ดีขึ้นบ้าง ควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันเล็บฉีกเมื่อต้องหยิบจับของแข็ง หมั่นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงเล็บ เช่น ตับ เนื้อสัตว์ ข้าวกล้อง และถั่ว ถ้ายังไม่ดีขึ้นลองรับประทานไบโอตินขนาด 2.5 มิลลิกรัมกต่อวัน จะช่วยให้เล็บแข็งแรงขึ้นได้

6. สนไหม..สมุนไพรพอกหน้าให้ด่างดำ
การ ใช้สมุนไพรพอกหน้าจากสถานเสริมความสวยความงามหรือทำด้วย ตัวเองต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะหากโชคไม่ดีแทนที่จะได้หน้าขาวใสกลับได้รอยด่างดำแทน เพราะพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น มะนาว มะกรูด มีสารที่ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบและรอยดำหลังจากสัมผัสสารนั้นแล้วไปตาก แดด ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงดีกว่าค่ะ

7. ที่มีของปัญหาผิวแตกลาย
ผิว แตกลาย เป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยรุ่นที่โตเร็ว นักกีฬาเล่นกล้าม หญิงตั้งครรภ์และโรคที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน การที่ร่างกายมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ผิวหนังขยายตัวยืดตามไม่ทันจึง เกิดเป็นรอยแผลย่นขึ้น ระยะแรกผิวแตกลายมีสีแดงและจะกลายเป็นสีขาวออกวาวๆในระยะหลัง การทายาในกลุ่มกรดวิตามินเออาจทำให้ดีขึ้นได้บ้าง ส่วนการรักษาเลเซอร์ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

8. มอยส์เจอไรเซอร์จำเป็นมากขาดไม่ได้
มอยส์ เจอไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้น ให้กับผิวพรรณซึ่งมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ โลชั่นเหมาะสำหรับคนที่มีผิวผสมหรือผิวแห้งในบางพื้นที่ ครีมเหมาะกับคนผิวแห้งซึ่งควรเลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวอุดตันภายหลัง ส่วนผิวแพ้ง่ายให้เลือกชนิดที่ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม และระบุว่าเป็น Hypoallergenic ใครที่หน้ามันอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เลยก็ได้ เพราะผิวมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว

9. เหงื่อออกมากผิดปกติที่รักแร้
ภาวะ เหงื่อออกมากผิดปกติ เป็นภาวะที่ระบบประสาทซึ่งควบคุมการหลั่งของเหงื่อทำงานมากกว่าปกติ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ รักแร้ ฝ่ามือและฝ่าเท้า คนประสบปัญหานี้จะมีซอกรักแร้เปียกชื้นตลอดเวลาและอาจทำให้มีกลิ่นตัวได้ บางคนไม่กล้าใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆเพราะกลัวจะเห็นเป็นรอยเปียกเหงื่อ การรักษามีหลายวิธี เช่น การทายา Aluminium chloride 20% การรับประทานยาที่มีผลระงับเหงื่อ การฉีดโบท๊อกซ์ และการผ่าตัดต่อมเหงื่อ

10. ยาสีฟันใช้ทาแผลน้ำร้อนลวกได้จริงหรือ
ยา สีฟันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดฟันซึ่ง มีส่วนประกอบของสารขัดสี สารควบคุมความเป็นกรด-ด่าง สารที่ทำให้เกิดฟองและสารกันบูด ยังมีคนอีกมากที่ปฐมพยาบาลแผลน้ำร้อนลวกเบื้องต้นด้วยการทายาสีฟัน ความจริงแล้วไม่มีส่วนผสมใดๆในยาสีฟันที่สามารถช่วยรักษาหรือสมานแผลได้เลย แต่อาจทำให้เกิดแผลลุกลามจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนยากต่อการรักษาและ ทิ้งรอยแผลเป็นมากกว่าปกติได้

11. ถ้าไม่อยากแก่เร็วอยู่ให้ไกลจากบุหรี่
ทราบไหมคะว่าการสูบบุหรี่นอกจากจะเป็นสาเหตุของโรค ถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอดแล้ว ยังมีผลกระทบต่อระบบผิวหนังอีกด้วย สารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดเกิดการหดตัวจึงส่งผลให้การหมุนเวียนของ เลือดไปเลี้ยงผิวหนังลดลง แถมยังมีสารอะซีตาลดีไฮด์ซึ่งถูกปล่อยออกมากับควันบุหรี่ไปรบกวนทำให้ผิว หนังอ่อนแอลง นานๆเข้าสีผิวจะกลายเป็นสีเหลืองอมเทา เกิดรอยย่นและแก่ก่อนวัยได้

12. ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการต่อเล็บ
การ ต่อเล็บต้องใช้กาวเป็นตัวเชื่อมระหว่างเล็บจริง กับเล็บปลอม สารประกอบที่สำคัญของกาวเชื่อม คือ เอทธิลไซยาโนอะคริเลท มีคนจำนวนหนึ่งซึ่งมีปฎิกิริยาแพ้สารตัวนี้ทำให้ผิวหนังรอบเล็บเป็นผื่นแดง บวม คันมาก และยากต่อการรักษา ดังนั้น การต่อเล็บจึงเป็นทางเลือกของความสวยที่มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

13. ครีมกันแดดสำหรับวันที่มีแดดเท่านั้น
เป็น ที่ทราบกันดีว่ารังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด สามารถทำให้ผิวหนังไหม้ เกิดริ้วรอย กระ ฝ้าและมะเร็งผิวหนังได้ มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าถ้าแดดไม่ออกหรือเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่มีเมฆ ครึ้มหิมะตกก็ไม่ต้องทาครีมกันแดดซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะถึงแม้ว่าเมฆจะหนาทึบเพียงใด 80% ของรังสีอัลตร้าไวโอเลตยังคงลอดผ่านลงมาอยู่ดี หรือแม้แต่แสงจากไฟในห้องก็ตามค่ะ

14. ขนคุด ที่มาและวิธีกำจัด
ขน คุดเกิดจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ในรู ขุมขน ทำให้ขนไม่สามารถงอกออกมาได้อย่างปกติ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็กๆ คลำแล้วรู้สึกสากๆ บริเวณที่พบบ่อยคือต้นแขนและต้นขา ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ บางครั้งอาจมีการอักเสบร่วมด้วยทำให้เห็นเป็นตุ่มแดง พบว่ามีความสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้ การทายาประเภทอนุพันธ์ของกรดวิตามิน AHA หรือ BHA จะทำให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าหยุดก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้อีก

15. นอนผิดท่าใบหน้ามีริ้วรอย
เคย ไหมคะว่าที่คุณพบว่าใบหน้ามีรอยย่นหลังตื่นนอน ขึ้นมาตอนเช้าหรือว่าร่องแก้มด้านหนึ่งมีรอยลึกมากกว่าอีกด้าน ริ้วรอยที่เกิดขึ้นนี้มีผลมาจากการนอนในท่าที่มีการกดทับติดต่อกันเป็นเวลา นานหลายชั่วโมงที่เรียกว่า “สลีฟ ลายน์” คนที่ชอบนอนคว่ำหรือนอนตะแคงอาจเกิดรอยแบบนี้ได้มาก หากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งประสบปัญหานี้ให้ลองฝึกนอนหงายดูนะคะ เพราะการนอนหลับในท่านอนหงายจะดีที่สุดสำหรับผิวหน้าของคุณค่ะ

16. จุดซ่อนเร้นสะอาดเกินจำเป็น…อันตราย
จุดซ่อนเร้นหรือช่องคลอดของผู้หญิงจะ มีสภาวะเป็นกรด อ่อนๆจากเชื้อจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ซึ่งมีผลดีต่อการยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อรา การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะที่เป็นประจำอาจทำให้สมดุลของความเป็นกรด ด่างนี้เสียไป ส่งผลให้เชื้อราเติบโตขึ้นมาแทน บางรายอาจเกิดการแพ้และระคายเคืองจากน้ำหอมที่ผสมอยู่ โดยทั่วไปการทำความสะอาดช่อ่งคลอดด้วยน้ำเปล่าและสบู่ธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

17. เรื่องของส้นเท้าแตก แห้งและเจ็บ
ส้น เท้าแตกเป็นอาการของผิวหนังที่แห้งและขาดความ ชุ่มชื้นอย่างมากทำให้ผิวหนังส่วนนอกหนาและแตกเป็นร่องคล้ายกับผิวดินที่แตก ระแหง บางคนพยายามจะดึงหนังที่แข็งๆออก แต่กลับทำให้หนังฉีกลึกลงไปถึงเนื้อด้านในซึ่งจะเจ็บมากเวลาเดิน การรักษาต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้นร่วมกับยาทาที่มีส่วนผสมของยู เรียและกรดซาลิไซลิกทาเป็นประจำทุกวันจึงจะดีขึ้น

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ความสวย ความงาม จาก mthai.com
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่ๆ สวยแซบมั่น โดนทุกคู่ !

รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-1

รองเท้าแฟชั่น เรียกได้ว่าเป็นแอคเซสซอรี่เสริมการแต่งตัวอีกชิ้นหนึ่งที่สาว ๆ ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าส้นสูง แฟลตส้นเตี้ย รองเท้ารัดส้นแบบชิล ๆ ก่อนออกจากบ้านต้องหยิบมาเลือกลองใส่เดินดูเสียก่อน เพื่อให้เข้าและแมตช์กับการแต่งตัวในวันนั้น ยิ่งใครเป็นสาวที่ชอบแต่งตัวอินเทรนด์เกาะติดเทรนด์ฮิตอยู่เป็นประจำ ยิ่งต้องเลือกแบบที่กำลังอินเท่านั้น !! แบบว่ากลัวจะตกเทรนด์อ่ะเนอะ ^^ ว่าแล้วเราเลยขออัพเดทคอลเลคชั่นรองเท้าแบบใหม่ ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้ชมกัน งานนี้จัดมาให้ชมกันครบ หวาน เปรี้ยว เท่ เซอร์ คอนเฟิร์มเน้น ๆ ว่าเก๋น่าใส่ทุกแบบเลยจ้า

รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-12 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-2 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-3 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-4 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-5 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-6 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-7 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-8 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-9 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-10 รองเท้าแฟชั่น อัพเดตแบบใหม่-11


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก stylenanda.com , dahong.co.kr , missp.co.kr , partysu.co.kr , anappletree.com , gumzzi.co.kr , vanillamint.net , evajunie.com , shopbop.com , dodry.net , dabagirl.co.kr , judbibian.com และ shoesone.co.kr


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ แฟชั่น จาก กระปุกดอทคอม
0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม

ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-1

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก judbibian.com , 11am.co.kr , ddaddadda.co.kr , vanillamint.net , hosishop.com , shopbop.com , a-rishop.com และ shopgirls.co.kr


ชุดเล่นสงกรานต์ ควรเลือกแต่งตัวแบบไหนให้ดูดี ? สำหรับสาว ๆ คนไหนที่เริ่มเตรียมความพร้อมของเสื้อผ้าไว้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลที่แสนชุ่มฉ่ำแบบไทย ๆ อย่างประเพณีสงกรานต์ในเดือนเมษายนอยู่ล่ะก็ วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำแฟชั่นชุดใส่ไปเล่นน้ำสงกรานต์มาฝากกัน พร้อมทั้งหยิบเอาเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกใส่เสื้อผ้าให้ดูดีเหมาะสมก่อนออกไปลั้ลลาสาดน้ำได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย ว่าแล้วก็ลองไปชมกันเลยจ้า...


ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-11 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-10 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-9 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-8 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-7 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-6 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-5 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-4 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-3 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-2 ชุดเล่นสงกรานต์ เลือกใส่อย่างไรเหมาะสม-12


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ แฟชั่น จาก กระปุกดอทคอม

0 Comments
Posted in Arrangement, Art, Business

แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์

แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-1

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ที่ฮิตและฮอตสุด ๆ ในปีนี้จะเป็นแบบไหน วันนี้เราได้รวบรวมมาให้ชมกันแล้วคะ ^^

สำหรับเทรนด์เสื้อผ้าอาภรณ์ของคุณสาว ๆ ในปีนี้ ต้องเน้นเป็นโทนสีสันจัดจ้าน ไม่ก็ลวดลายแจ่ม ๆ ที่เห็นแล้วเปรี้ยวจับใจ เพื่อสร้างความสดใสให้กับตัวเองในช่วงเวลาที่มีอากาศร้อนแสนร้อน และเพื่อเป็นออร์เดิร์ฟรับซัมเมอร์ กระปุกดอทคอมขอรวบรวมคอลเลคชั่นแจ่ม ๆ ของเหล่าดารามาให้ชมกันหน่อยดีกว่า เผื่อว่าสาว ๆ คนไหนยังไม่มีไอเดีย หรือยังคิดไม่ออกว่าจะแต่งแบบไหนดีถึงจะสวย รับรองว่าสไตล์ของเหล่าซุปตาร์ช่วยได้เยอะเลยแหละ คริคริ

แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-9 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-8 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-7 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-6 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-2 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-3 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-4 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-5 แฟชั่นหน้าร้อน 2014 ของเหล่าดารา สีสดสวย ใส่เปรี้ยว ๆ รับซัมเมอร์-10


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram aum_patchrapa, aimeemorakot, gggubgib36, ying_rhatha, khemanito, apitsada, janesuda, pooklook_fonthip, sara_legge

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ แฟชั่น จาก กระปุกดอทคอม